• 29 มิถุนายน 2018 at 12:15

STORY:PIYAWAT CHITMA

PHOTO:TONG

            เที่ยวบุรีรัมย์เยือนถิ่นปราสาท

            ร่องรอยความรุ่งเรืองส่งผ่านสู่อารยธรรมสานต่อผ้าทอมือ

           ปล่อยอารมณ์ชมดวงอาทิตย์อ่างเก็บน้ำ

            “บุรีรัมย์ไม่ใช่เมืองผ่าน” คำพูดของคนบุรีรัมย์ที่พูดให้เราฟัง ด้วยความรู้สึกภูมิใจ อากาศไม่สดในเวลาเช้าของการเดินทาง นั่นไม่ได้เป็นปัญหาเพราะเราอยู่กับ TOYOTA FORTUNER 2.8V Sigma4 รถที่พร้อมเดินทางไปกับเราได้ทุกที่ ผ่านสระบุรีมุ่งหน้าสู่บุรีรัมย์ จังหวัดที่ใครต่างก็พูดถึงในวันนี้ ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเมืองที่น่าสนใจ ซึ่งไม่ใช่ทางผ่านอีกต่อไป


          แน่นอนวันนี้เมืองปราสาทหินมีความคึกคักนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ขาด รวมถึงตัวผมและ FORTUNER ถนนเชื่อมเมืองค่อนข้างดีกว่าแต่ก่อนเป็นเพราะเพื่อต้องการรองรับกิจกรรมด้านมอเตอร์สปอร์ตรวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ FORTUNER รูปทรงปราดเปรียวแต่แฝงความสปอร์ตเอาไว้รอบคันกำลังพาเราผ่านเมืองนางรอง เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งขาหมูรสอร่อยนุ่มละมุนลิ้นใครผ่านไปมาก็ต้องแวะชิม ก่อนค่ำเรามาถึงดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำ แสงสีทองสะท้อนผิวน้ำบริเวณอ่างเก็บน้ำจรเข้มาก ชาวบ้านเลือกใช้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ บางคนกำลังสนุกกับการออกกำลังกาย บางคนก็กำลังสนุกกับการถ่ายภาพและพูดคุยกัน แล้วบริเวณรอบอ่างเก็บน้ำยังสามารถวิ่งออกกำลังกายหรือปั่นจักรยานเช่นกัน

            ห่างกันไม่ไกลก่อนค่ำเราพอมีเวลายอดเขากระโดงก็น่าสนใจมีจุดชมวิวสวยงาม เราขับ FORTUNER ผ่านเนินชันได้ง่ายทางโค้งเราก็ผ่านได้ด้วยช่วงล่างที่นิ่งรวมถึงระบบขับเคลื่อนซิกม่าร์โฟร์ยิ่งทำให้เรามั่นใจ วนอุทยานเขากระโดงอยู่ในเขตเมือง ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นภูเขาไฟแต่ในวันนี้ดับสนิทแล้ว มีปากปล่องทะลุเห็นได้ชัดเจน รอบบริเวณแวดล้อมด้วยป่าไม้ที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าขนาดเล็ก โดยเฉพาะนกบนเขากระโดงยังมีโบราณสถานสมัยขอม รอยพระพุทธบาทจำลอง และพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เป็นที่เคารพสักการะของคนในท้องถิ่น แล้วเรายังมองเห็นตัวเมืองบุรีรัมย์ระยะไกล ป่าเขากระโดงมีพื้นที่ 6,212 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศให้เป็นวนอุทยานเขากระโดงเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม (วันปิยะมหาราช) พ.ศ. 2521 ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักงานป่าไม้เขตนครราชสีมา

            นอกจากนี้บุรีรัมย์ยังมีร่องรอยอารยธรรมขอมที่ยังความสมบูรณ์อย่าง อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือ ปราสาทหินพนมรุ้ง ที่เป็นที่อยู่ของทับหลังนารายณ์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยไปอยู่ถึงสหรัฐอเมริกาแต่แล้วก็นำกลับมาอยู่ที่เดิมพนมรุ้งเป็นหนึ่งในปราสาทหินในกลุ่มราชมรรคาตั้งอยู่ที่ตำบลตาเป๊กอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ลงมาทางทิศใต้ประมาณ 77 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยโบราณสถานสำคัญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว คำว่า พนมรุ้ง นั้น มาจากภาษาเขมร คำว่า วนํรุง แปลว่า ภูเขาใหญ่ ปัจจุบัน ปราสาทหินพนมรุ้งกำลังอยู่ในเกณฑ์กำลังพิจารณาเป็นมรดกโลก เช่นเดียวกับ ปราสาทหินในกลุ่มราชมรรคาปราสาทหินพนมรุ้งเป็นหนึ่งในปราสาทหินขอมของไทยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดบุรีรัมย์ และถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์ รวมถึงเป็นภาพพื้นหลังตราสัญลักษณ์ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดอีกด้วย

 

            ระหว่างเราเดินผ่านสะพานนาคราชขึ้นไปยังตัวปราสาท ราวสะพานทำเป็นลำตัวพญานาค 5 เศียร สะพานนาคราชนี้ ตามความเชื่อเป็นทางที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเทพเจ้า สิ่งที่น่าสนใจคือ จุดกึ่งกลางสะพาน มีภาพจำหลักรูปดอกบัวแปดกลีบ อาจหมายถึงเทพประจำทิศทั้งแปด เราได้เห็นความยิ่งใหญ่และผลงานสร้างของคนในสมัยก่อน หินก้อนมหึมาถูกตัดเรียงเป็นก้อนขนาดใกล้เคียงกันจัดเรียงวางสวยงาม บันไดสูงชันราวกับทางขึ้นเขาไกรลาศ ดังนั้นใครจะขึ้นไปต้องมีความสำรวม ปราสาทแห่งนี้ไม่ได้สร้างเสร็จในยุคเดียว ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นโบสถ์พราหมณ์ลัทธิไศวะ มีการบูรณะก่อสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม


ได้หันมานับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นวัดมหายาน ในช่วงแรกปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งสูง 1,320 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ชื่อพนมรุ้งแปลว่าภูเขาใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18 สร้างมาตั้งแต่เจ้าชัยวรมันที่ 3 ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (พ.ศ. 1511-1544) ได้ทรงอุทิศที่ดินและข้าทาสถวายแด่เทวสถานพนมรุ้ง ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 นเรนทราทิตย์ เจ้านายแห่งราชวงศ์มหิธรปุระที่ปกครองดินแดนแถบนี้ (ซึ่งเป็นต้นตระกูลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างนครวัด) ได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นและได้ทรงบำเพ็ญพรตเป็นโยคี ณ ปราสาทพนมรุ้ง


            ความยิ่งใหญ่ถูกบันทึกในความทรงจำเราพาตัวเองมาอยู่ในห้องโดยสารของ FORTUNER แอร์แบบอัตโนมัติทำงานเย็นเราเชื่อมต่อบลูทูธเปิดเพลงผ่อนคลายความร้อนของอากาศภายนอก เครื่องยนต์ทำงานอีกครั้งพาเราเดินทางไปยังปราสาทเมืองต่ำ อยู่ห่างกันไม่ไกล ความนุ่มนวลของช่วงล่างทำงานได้อย่างดี ซับแรงสะเทือนจากพื้นถนนเอาไว้ได้ทั้งหมดทำให้เราเพลิดเพลินแทบไม่อยากลงจากรถ ด้วยความกว้างของห้องโดยสารยิ่งทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายทุกครั้ง เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น บางช่วงเราเพิ่มความมั่นใจด้วยระบบเคลื่อนสี่ล้อแบบ 4H เปลี่ยนโหมดการขับเพียงแค่บิดที่สวิทช์เบาๆเท่านั้นตามความเร็วที่กำหนดทำงานได้รวดเร็วและง่ายดาย


            เราเลี้ยวเข้าที่จอดรถใต้ร่มไม้บัตรเข้าชมปราสาทซื้อครั้งเดียวใช้ได้สองที เรามองเห็นความละเอียดของลวดลายแกะสลักได้แต่ไกลความประณีตบรรจงดูมีเอกลักษณ์และอ่อนช้อย ปราสาทเมืองต่ำมีบ่อน้ำคล้ายกับนครวัด มีความงดงามกรมศิลปกรดูแลอย่างดี ปราสาทเมืองต่ำ เป็นหนึ่งในกลุ่มปราสาทมรรคโค เป็นศาสนสถานที่สร้างตามคติความเชื่อทางศาสนาฮินดู สันนิษฐานว่าสร้างขึ้น เพื่อถวายพระศิวะ มีลักษณะเป็นศาสนสถานประจำเมืองหรือประจำชุมชน ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดปราสาทบูรพาราม คำว่า เมืองต่ำ ไม่ใช่ชื่อดั้งเดิม แต่เป็นชื่อที่ชาวพื้นเมืองเรียกโบราณสถานแห่งนี้ เพราะปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นราบส่วนปราสาทพนมรุ้งตั้งอยู่บนเชิงเขา ซึ่งทั้งปราสาทเมืองต่ำและปราสาทพนมรุ้งอยู่ไม่ห่างกันมาก คือห่างกันเพียง 8 กิโลเมตร


        นอกจากนี้ วัสดุส่วนหนึ่งจากโบราณสถาน และโบราณวัตถุ ของปราสาทเมืองต่ำ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงนำมาเป็นส่วนประกอบในการทำพระเครื่อง ที่เรียกว่า "พระสมเด็จจิตรลดา" อีกด้วย ปราสาทเมืองต่ำ เป็นศาสนาสถาน ศิลปะขอมแบบบาปวน อายุประมาณ พ.ศ. 1551-1630 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 บางจุดเราได้เห็นยอดปราสาทที่หักลงมาแต่กรมศิลปกรก็ได้จัดเรียงเอาไว้อย่างดี ผมเดินดูรอบๆอยู่นานพิจารณาแล้วอดคิดย้อนไปถึงยุคนั้น แรงศรัทธาของชาวบ้านสูงส่งสามารถสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ด้วยสองมือเพื่อสิ่งที่เขาเรียกว่าความศักดิ์สิทธิ์และสิ่งยึดเหนียวจิตใจ



            แล้วร่องรอยจากอดีตยังถูกส่งต่อถึงยุคปัจจุบันด้วยลวดลายผ้าทอมือที่สืบทอดมายาวนาน ทอจากฝ้ายจากไหมที่เติบโตขึ้นจากดินภูเขาไฟ บ้านโคกเมืองเป็นชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิมที่มีพื้นฐานความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากลาว และเขมร ปัจจุบันมีสินค้าโอทอประดับ 5 ดาวเป็นผ้าฝ้ายและผ้าไหมทอมือ ซึ่งลายบนผ้าก็ได้แพลายมาจากปราสาทเมืองต่ำเกิดลวดลายต่อยอดเรียกว่าลายผักกูด มะลิวัลย์ สีลา ชาวบ้านที่ยังยึดอาชีพทอผ้ามายาวนานสืบทอดมาจากรุ่นยายและรุ่นแม่ มีรักในขั้นตอนการทำโดยทุกวันนี้ยังทำแบบโบราณใช้วิธีมัดย้อมก่อเกิดเป็นลายต่างๆ มันไม่ง่ายแต่ถ้าฝึกฝนบ่อยๆก็เกิดเป็นความชำนาญ กว่าจะได้ผ้าหนึ่งผืนใช้เวลาหลายวัน แต่ก็ต้องทำเพราะต้องการให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงวิธีการทำการทอ แล้วที่บ้านโคกเมืองแห่งนี้ยังมีบ้านพักแบบโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกันราคาก็ไม่แพง



            TOYOTA FORTUNER 2.8V Sigma4 พาเราเข้าเมืองเที่ยวชมสนามช้างฯสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวและกีฬาให้มาถึง เราได้เห็นความเจริญของสิ่งปลูกสร้างและร้านอาหารรวมถึงร้านกาแฟเก๋ๆ เราได้เห็นอารยธรรมสองยุคเดินคู่กันไปอย่างกลมกลืน ขอบคุณการเดินทางทำให้เราเห็นและเรียนรู้ และเราก็รู้อีกว่า TOYOTA FORTUNER 2.8V Sigma4 คือส่วนเติมเต็มทำให้ความสุขนั้นเกิดขึ้นได้ในทุกเส้นทางฝัน ความแรงและความประหยัดรวมถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยมยิ่งทำให้เรามั่นใจ รู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้เดินทางด้วยกัน สำหรับทริปนี้ผมคงเก็บความจำเอาไว้บันทึกให้เป็นอีกเส้นทางฝันสำหรับนักเดินทางรุ่นใหม่ต่อไป พบกันใหม่ทริปหน้าท้าลมร้อน



            ขอบคุณ

            บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

            

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2