• 29 มิถุนายน 2018 at 12:16

MINI Cooper s Clubman Hightrim

มีเสน่ห์ออปชั่นเพียบ 192แรงม้า เทอร์โบแบบคู่เกินพอ!!!

                        "มันยากนะหากเราต้องขับช้าๆบนถนนทางไกล และยิ่งได้อยู่ในห้องโดยสารของ MINI Clubman รุ่น Hightrim ที่มีพิกัดเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 192 แรงม้า ทำงานร่วมกับเทอร์โบฯแบบคู่"

                   ชื่อของมินิไม่ใช่เรื่องเล่นเพิ่มเริ่มต้นบนโลกใบนี้ ถ้าจะให้เล่ากันยาวเราคงอธิบายได้ไม่หมดในหน้ากระดาษของคอลัมน์ เพราะประวัติน่าสนใจ นานเหมือนกันที่เราได้นำเอา รถของค่ายนี้มาทดสอบ ซึ่งถ้าให้สังเกตกันเราเองก็เริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนเรื่องงานออกแบบมาโดยตลอด ถึงแม้มินิจะยึดคอนเซ็ปต์ความเก๋า เก๋ น่ารักมายาวนาน แต่ก็ไม่สามารถจะต้านทานความเปลี่ยนแปลงของเวลาแห่งยุคโซเชี่ยลมาเร็วได้ นอกจากเอกลักษณ์ส่งต่อรุ่นต่อรุ่นแล้ว ก็ยังต้องมีเทคโนโลยี และดีไซน์เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อสนองความต้องการของการตลาด


                  MINI Clubman โฉมใหม่ล่าสุด เข้ามาถึงเมืองไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงปลายปี2015 ถ้าเราได้เห็นตอนนั้นจะมี ความเปลี่ยนแปลงด้านท้ายไปค่อนข้างมากที่ชัดเจนเลยคือไฟท้ายโฉมนี้เป็นแบบ LED ดูทันสมัยมากขึ้น ขณะเดียวกันการจัดวางตำแหน่งไฟก็มีความต่างออกไปเช่นกันไม่ใช่ในแบบชินตาเคยเป็นแนวตั้ง แต่มันเป็นแบบแนวนอนขนาดใหญ่ยาวไปจนเกือบถึงมือจับประตู


                 MINI Copper S Clubman Hightrim รุ่นที่เรานำมาทดสอบนับเป็นรุ่นสูงสุด มาพร้อมชุดแต่งแตกต่างจากรุ่นอื่น และในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับฝาเปิดประตูท้ายแบบตู้กับ คือเปิดออกสองข้างถือว่าสะดวกมาก แล้วยังเพิ่มเทคโนโลยีการเปิดประตูที่ใช้เซ็นต์เซอร์ใต้แนวกันชนหลัง Easy Opener หรือการเปิดฝาท้ายโดยไม่ใช้มือครับ แค่เตะขาไปให้ตรงใต้กันชนเบาๆ ประตูก็จะเปิดออกเงื่อนไขคือกุญแจต้องอยู่กับตัว สะดวกมากถ้าหากเราต้องถือของมาเยอะๆ ไม่ต้องวางของลงกับพื้นเพื่อปลดล็อค ระบบนี้น่าจะถูกใจคุณผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย


                 MINI Copper S Clubman Hightrim ในรุ่นนี้เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากรุ่นพี่ถ้านับมาถึงวันก็เป็นรุ่นที่ 3 ของ ความแตกต่างย่อมต้องเป็นไปตามยุค สำหรับความแตกต่างของอุปกรณ์ที่ติดตั้งในรุ่น Copper S Clubman และรุ่นตกแต่งพิเศษ Hightrim เห็นได้ชัดคือ ล้อแม็กซ์ขนาด 18 นิ้วลายล้อยังเป็นแบบเดิมแต่ดูเข้ากันกับตัวรถที่มิติยากกว่าทุกรุ่น (รุ่น COOPER CLUBMAN และ COOPER D CLUBMAN เป็น 17 นิ้ว) ส่วนไฟหน้าเป็นแบบ LED และไฟส่องสว่างเวลากลางวันคล้ายวงแหวนดูทันสมัยมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน ไฟตัดหมอกก็เป็นแบบ LED (รุ่นCOOPER CLUBMAN และ COOPER D CLUBMAN ใช้ไฟหน้าฮาโลเจน) เสริมความสปอร์ตดุดันอีกนิดหน่อยที่ฝากระโปรงหน้าโดยการติดตั้งช่องระบายอากาศถ้ามองกันจริงจังเหมือนกับว่าติดมาเพื่อเสริมหล่อเท่านั้น พร้อมกระจังหน้าแบบรังผึ้งตัดขอบด้วยโครเมี่ยมติดโลโก้ S ไว้มุมด้านขวา


                จากการตัดขอบชุดกระจังหน้าด้วยโครเมี่ยมนั้นทำให้ Clubman Hightrim ดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นรวมถึงสีใหม่คือสีแดง Pure Burgundy ซึ่งเป็นสีของไวน์แดงดูเคร่งครึมมีระดับมาก ส่วนสปอยเล่อร์หลังบริเวณหลังคาแบบ JOHN COOPER WORKS ซุ้มล้อด้านหน้ามีครีบอากาศสองข้าง เรียกว่า air breather ช่วยให้การเคลื่อนตัวของอากาศดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ตามหลักอากาศพลศาสตร์ และยังช่วยเพิ่มความสปอร์ตกระจกหลังถูกแบ่งออกเป็นสองชิ้นซ้ายขวา ตามลักษณะของประตูรถ และมีใบปัดน้ำฝนเป็นของตัวเอง 2 ข้าง และบริเวณไฟท้ายของ MINI Clubman นี้ จะใช้ไฟเบรกเป็นแถบไฟบนกันชนครับ ส่วนหลอดไฟชิ้นหลักด้านบน จะสว่างขึ้นเมื่อเปิดไฟหน้ารถ และเป็นตำแหน่งของไฟเลี้ยวและไฟถอย แยกกันอย่างชัดเจน ส่วนด้านล่างของกันชนเป็นท่อไอเสียคู่ ที่เป็นเอกลักษณ์ของ MINI Cooper S มาตั้งแต่รุ่นแรก (ถ้าเป็นรุ่น Cooper และ Cooper D ก็จะมีท่อไอเสียเพียงข้างเดียว)


                 ถ้ามองจากด้านข้างจะเห็นว่าในรุ่นนี้จะมีความยาวของฐานล้อมากขึ้นโดย มิติตัวถังของ CLUBMAN ความยาว 4,523 มม. (ยาวกว่าCOOPER 5DR. 270 มม.) ระยะฐานล้อ 2,670 มม. (มากกว่า COOPER 5DR. 100 มม.) และมีความกว้างมากกว่า 90 มม. ทำให้ CLUBMAN เป็นรถที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดรุ่นหนึ่งเท่าที่มินิเคยผลิต และมีปริมาตรความจุสัมภาระถึง 360-1,250 ลิตรเบาะหลังพับแยกได้ 70:30 คล่องตัวบรรทุกสัมภาระได้เยอะขึ้น จนบางครั้งแอบคิดว่านี่ไม่น่าจะใช้รถมินิที่เคยรู้จัก


                 หลังคามีความลาดเอียงไปด้านหลัง ตามแบบฉบับ shooting brake ประตูหลังไม่มินิตามชื่อเพราะประตูคู่หลังขนาดฟูลไซส์ ดูเหมือนจะเข้าออกยากแต่ความจริงคือเขาออกง่ายมาก ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของผู้ออกแบบคือ ต้องการให้ MINI Clubman โฉมนี้ลบความเชื่อแบบเก่าต้องเล็กต้องคับแคบ รุ่นนี้เลยจัดเต็มความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน เพื่อให้รถรุ่นนี้เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานจริงได้ในทุกวันไปได้ทั้งครอบครัว ถึงแม้ดูเล็กแต่ความจริงไม่ใช่ โดยจะเห็นได้จากขนาดของตัวรถที่ขยายขึ้นมาจากรุ่นอื่นๆ ค่อนข้างมาก ประกอบกับประตูของผู้โดยสารแถวหลัง รวมถึงพื้นที่ภายในตัวรถที่มีมาให้อย่างเหลือเฟืออีกด้วย ลองดูความกว้างของพื้นที่ของทั้งผู้โดยสารแถวหน้าและแถวหลังน้องช่างภาพสูง 180 เซนติเมตร นั่งโดยสบายพื้นที่เลครูมค่อนข้างกว้างมาก


                 เบาะนั่งคู่หน้าของ Clubman Hightrim แตกต่างออกไปจากรุ่นเดิมคือเป็นแบบปรับไฟฟ้าพร้อมระบบความจำตำแหน่งผู้นั่ง ปรับได้ 3 ส่วนหลัก คือปรับเอน / ปรับเลื่อนหน้า-หลัง / และปรับ Lumbar ซึ่งสามารถบันทึก ได้ 2 ระดับ ถ้าจากข้อมูลของมินิ รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นแรกของตระกูลที่ใส่ออปชั่นเบาะไฟฟ้ามาเป็นครั้งแรก ส่วนเบาะทั้งหมดเป็นหนังแท้ใช้โทนสี Pure Burgundy แบบเดียวกับตัวรถ เบาะหลังสามารถนั่งได้ 3 ที่นั่ง มีเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารทุกคน ผู้โดยสารแถวหลัง มีแอร์มาให้นี่ก็เป็นอีกจุดที่หลายคนเคยบ่น ตอนนี้ไม่ต้องบ่นแล้วและใส่ที่เสียบชาร์จไฟอีก 1 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ตลอดการเดินทางผมสลับไปนั่งเบาะหลัง รู้สึกสบายไม่อึดอัดสักนิด ไม่น่าเชื่อว่าเรากำลังนั่งในรถมินิ


                 ชุดคอนโซลหน้ายังคงกลิ่นอายของมินิแบบเดิมพวงมาลัย ยังคงใช้พวงมาลัยเดียวกับ MINI Hatch ในเจเนอเรชั่นที่สาม (F56/F55) ไม่เสียหายอะไรกระชับมือ ติดตั้งมาพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่น ปรับการควบคุมระบบความบันเทิงของตัวรถ / โทรศัพท์ / ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง และโหมด Cruise Control สั่งงานได้ง่ายไม่ถือว่าซับซ้อน ซึ่งต่อไปเราจะได้เห็นรถยุโรปทำงานง่ายแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าอนาคตอาจง่ายกว่ารถญี่ปุ่นด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรก็ตามขณะที่ผมจับพวงมาลัยเดินทางไกลกับ Clubman รู้สึกเสียดาย Paddle Shift เขาไม่มีมาให้ ผมเชื่อว่าถ้ามีมาให้น่าจะขับได้สนุกกว่านี้ หากจะปรับเปลี่ยนเกียร์แบบ manual ต้องไปปรับโยกจากคันเกียร์เอง


                 ส่วนการเปลี่ยนโหมดการขับ(MINI DRIVING MODES) ไม่ต้องมองหาปุ่มกดเพราะ Clubman มาเป็นแบบวงแหวนสำหรับปรับโหมดการขับขี่ 3 โหมดอยู่บริเวณคันเกียร์ คือ Green, การขับขี่ที่ให้ความสบายในโหมด Mid และการขับขี่แบบสปอร์ตเร้าใจมากขึ้นในโหมด Sport ซึ่งการวางแบบนี้ช่วยได้ในเรื่องประหยัดเนื้อที่ของห้องโดยสาร ยังมีทีเด็ดกว่านี้คือ หน้าจอ MINI Connected XL ขนาด 8.8 นิ้ว ที่คอนโซลกลาง รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทั้งระบบ iOS และ Android ผ่านแอป MINI Connected XL และแอป MINI Connected XL Journey Mate ได้จากพอร์ต USB ที่มีมาให้ มีไฟ LED อยู่ล้อมรอบหน้าปัด เพื่อบ่งบอกสถานะการทำงานของโหมดต่างๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ตามความต้องการ แต่ยังคงใช้แบบทรงกลมเอกลักษณ์ของเดิม


                 นอกจากนี้ใน Clubman Hightrim จะมาพร้อมกับ Head-up Display ด้านหน้ามีการรองรับระบบแผนที่ไทยแล้ว การนำทาง ลูกศรบอกทางทั้งหมด ก็จะมาแสดงอยู่บนหน้าจอ Head-up Display ใช้แล้วรู้สึกชอบอ่านง่ายแม้จะมีแดดแรงก็ตาม จอยสติ๊ก MINI Controller สำหรับควบคุมหน้าจอ รองรับการเขียนด้วยลายมือบนแป้นวงกลมของ Controller ทำให้การพิมพ์ หรือป้อนค่าต่างๆ ลงบนหน้าจออย่าคิดว่ายากเพราะมันง่าย เรือนไมล์เป็นแบบทรงกลมซ้อนกันสองวงดูมีสไตล์น่ารัก ความพิเศษของรุ่นนี้อีกอย่างคือ วิศวกรผู้ออกแบบได้ติดตั้งเบรกมือแบบไฟฟ้ามาให้ด้วย ซึ่งก็เป็นรุ่นแรกของมินิอีกเช่นกันที่ได้ติดตั้งระบบนี้มาให้ จะว่าไปแล้วรุ่นนี้คล้ายกับว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนด้านการพัฒนาอีกรุ่นเหมือนกันนะ


                ถึงจิ๋วแต่ก็ยังแจ๋วไม่ใช่เล่นด้านขุมกำลังมีมาให้เหลือเฟือ โดยในรุ่นสูงสุดมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบแบบคู่ ฉะนั้นถ้าปัญหาเรื่องการรอรอบไม่น่าเป็นห่วง ขนาด 2.0 ลิตร มีพละกำลังมาให้สูงสุดถึง 192 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,250 รอบ/นาที ไม่น้อยเลยครับ ถ่ายทอดกำลังลงผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic ป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันกับเกียร์ชุดนี้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.9 กม./ลิตร โดยส่วนตัวแล้วทันทีที่ได้ขับสิ่งแรกเลยรับรู้ได้คือเขาต้องการทำให้ Clubman รุ่นที่ 3 นี้เป็นรถขับง่ายไม่ได้ต้องการเป็นแบบเดิมคือแข็งกระด้าง ความรู้สึกเหมือนขับรถโกคาร์ทสไตล์นั้นหายไป ซึ่งนั้นไม่ได้หมายความว่าการตอบสนองเครื่องยนต์จะหายไปด้วย


                บนทางโล่งยาวเราลองเล่นกับเทอร์โบฯคู่ ถ้าอยู่ในโหมด Mid เราจะรู้สึกว่าการทักทายของฝูงม้ามาช้าไปสักนิด ไม่ถึงกับพุ่งทันที แต่เมื่อลองเปลี่ยนมาเป็นโหมด Sport มันใช้เลยครับเกียร์ปรับให้ชิดขึ้นรอบเครื่องสูงกว่าเดิมทุกอย่างพร้อมแค่กดคันเร่งทุกอย่างก็มาพร้อมกัน ความสนุกและความตื่นเต้น ถึงอย่างก็อย่าลืมว่านี่รถมินิที่เขาต้องการเน้นให้ขับสะดวกสบายด้านการใช้งานมากที่สุดเท่าที่เคยทำมาอย่าคิดมาก แต่ความเร็วปลาย 200+ กม./ชม.ก็ทำได้ง่ายเช่นกัน ช่วงเข้าโค้งในระดับความเร็วของเรานั้น ต้องบอกว่าถึงแม้มิติตัวรถของรถรุ่นนี้จะยาวขึ้น กว้างขึ้น ก็ไม่ได้ลดสมรรถนะการยึดเกาะถนนลงไป เรายังรู้สึกมั่นใจได้เช่นเดิม ด้านความปลอดภัยทุกอย่างอัดแน่นมาครบถ้วน


                สรุปความรู้สึกหลังอยู่ด้วยกันหลายวัน ผมเองต้องบอกว่าอารมณ์เดิมแบบโกคาร์ทสไตล์หายไป ถูกแทนที่ด้วยความนุ่มนวลมากขึ้น ด้านสมรรถนะยังคงมั่นใจได้อัตราเร่งเกินพอสำหรับรถใช้งานในเมือง สิ่งที่ MINI Cooper s Clubman Hightrim ทำให้ประทับใจคือความกว้างของห้องโดยสาร ทำให้เราเกือบลืมว่านี่คือรถมินิ หลังจากนี้เราคงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของมินิในด้านของเทคโนโลยีและการดีไซน์มากขึ้นตามลำดับ ราคา 3.28 ล้าน

                ***อย่าตัดสินใจจนกว่าจะได้ลองสัมผัสด้วยตัวเอง***


STORY:PIYAWAT CHITMA

PHOTO:PIYAKIT NITCHAROEN

ข้อมูลเทคนิค

รุ่นรถ                                       MINI Cooper s Clubman Hightrim

แบบตัวถัง                              Estate

มิติ(กว้าง xยาว x สูง มม.)           1,800 x 4,523 x 1,441

แบบเครื่องยนต์                        4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว Twin Power Turbo(เบนซิน)

ความจุ                                  1,998 ซีซี.

กำลังสูงสุด                            192 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที

แรงบิดสูงสุด                          280 นิวตัน-เมตร ที่ 1,250 รอบต่อนาที

ระบบส่งกำลัง                         อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic

พวงมาลัย                              ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS)

ความเร็วสูงสุด                         220+ กม./ชม.(ประมาณ)

ความจุถังน้ำมัน                       48  ลิตร

ระบบขับเคลื่อน                       สองล้อหลัง 

ระบบกันสะเทือน                      Dynamic Damper Control

ยาง/ล้ออัลลอย                        225/40 R18          

ระบบเบรกหน้า                         ดิสก์เบรก

ระบบเบรกหลัง                         ดิสก์เบรก

เว็บไซต์                                   www.mini.co.th

เบอร์โทร                                 (662) 305-8888

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2