เปิดไฟเลี้ยวไม่เสียสตางค์

                แค่ออกแรงยกก้านไฟเลี้ยวไม่ได้หนักอะไรเลยสักนิด แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ค่อยอยากจะเปิด บางคนเปิดก็ไปเปลี่ยนสีให้มองลำบากมากกว่าเดิม พอโดนจับก็บ่นว่าตำรวจชอบหากิน เดือนนี้ขอหยิบยกเอาเรื่องไฟเลี้ยวมาว่ากันสักหน่อยเรื่องใกล้ตัวแต่ทำไมชอบมองข้าม

                เช้าวันทำงานระหว่างเดินทางเป็นปกติ เข้าซอยแวะซื้ออาหารเช้าจอดรถเป็นระเบียบ ระหว่างยืนรอซื้อของเห็นมีรถจักรยานยนต์คนขี่อายุประมาณวัยเกษียณขี่ตามรถเก๋ง ผมมองตามแค่หวงความปลอดภัยอายุมากแล้ว ความคิดไม่ทันหมด รถเก๋งคันหน้าเลี้ยวทันทีเพื่อเข้าซอยเล็ก ลุงตามหลังชนเข้าอย่างจัง ถึงจะไม่แรงแต่ลุงก็เจ็บเพราะอายุมาก แถมต่อว่าทำไมลุงขี่รถไม่ดู ผมเลยขอร่วมวง ก็คุณเองไม่เปิดไฟเลี้ยวแล้วยังมาโทษคนอื่น เจรจากันไปสุดท้ายยอมรับผิด เรื่องเล็กน้อยแต่อาจทำให้ผู้อื่นเกิดอันตรายได้ หลายคนกำลังลืมเรื่องง่ายๆ ต้องให้เกิดอุบัติเหตุก่อนถึงจะพูดถึงกัน

                เรื่องของไฟเลี้ยวถ้าทุกคนเคยสอบใบขับขี่จะรู้ดี เขามีสอนกันทั้งหมดว่าควรจะต้องใช้เลี้ยวเมื่อต้องเปลี่ยนเลน หรือช่องเดินรถ ใน มาตรา ๓๘ (๒) เขียนไว้ดังนี้ครับ "เมื่อจะเลี้ยวรถ เปลี่ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณยกเลี้ยวสีเหลืองอำพัน  หรือให้สัญญาณกระพริบสีขาวหรือสีเหลืองอำพันที่ติดอยู่หน้ารถหรือข้างรถ  และไฟสัญญาณกระพริบสีแดงหรือสีเหลืองอำพันที่ติดอยู่ท้ายรถไปในทิศทางที่จะเลี้ยว เปลี่ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น"

                หรือถ้าในกรณีที่เราขี่รถจักรยานยนต์ก็มีข้อบังคับเอาไว้เหมือนกันไม่ใช่ว่าจะขี่กันได้ตามสะดวกอารมณ์ เป็นต้นว่าก่อนถึงทางร่วมทางแยกหากเราต้องการที่จะเลี้ยว เราควรจะเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าประมาณ 10-15 เมตรจากทางแยก เพื่อผู้ที่ขับขี่ตามมาจะได้เห็นว่าเรากำลังจะเลี้ยวจะได้เตรียมตัวได้ทัน ใน กรณีของรถยนต์ ควรเปิดไฟเลี้ยวให้คันหลังเห็นชัดเจน ก่อนทางที่เราจะเลี้ยวรถ ถ้าเทียบความเร็ว รถวิ่งอยู่ที่ 30กม./ชม. ก็ให้เปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าก่อน 30 เมตร ถ้ารถวิ่งอยู่ที่ 60 กม./ชม. ให้เปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าก่อน 60 เมตร หนักไปกว่านี้บางคนเปิดไฟเลี้ยวเป็นประจำ คันตามหลังมากกลับมองไม่เห็น ทำไมมองไม่เห็น ก็พี่เจ้าของรถกลัวว่าจะไม่เท่ ไม่ทันสมัย เลยเปลี่ยนฝาครอบไม่พอเท่านั้น บางคันยังเปลี่ยนสีเป็นม่วงบ้าง สีขาวบ้าง สีชมพูบ้าง ไม่รู้ว่าเปลี่ยนแล้วเคยมานั่งมองบ้างหรือเปล่า ถ้าขับกันมาเร็วแสงสว่างเวลากลางวันมันจะยิ่งทำให้มองไม่เห็น พอโดนตำรวจจับก็บ่นหาว่าตำรวจชอบหาเงิน ก็คุณผิดจริงเขาถึงจับเพราะรักสิครับคุณ

                ตามกฎหมายว่ากันไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2522 เรื่องไฟเลี้ยวไฟท้ายหรือแม้กระทั่งไฟเบรกว่าไว้แบบนี้ ไฟเลี้ยวด้านท้ายรถกฎหมายกำหนดให้ใช้ไฟสีเหลืองหรือสีแดงก็ได้ แต่ห้ามใช้สีขาวอย่างเด็ดขาดรวมถึงสีอื่นด้วยเช่นกัน ส่วนด้านหน้าเช่นเดียวกันกับห้ามใช้ไฟเลี้ยวด้านหน้าเป็นสีแดง เพราะผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่นอาจจะสับสนกับสีของไฟ  ด้วยไม่รู้ว่าเป็นด้านหน้าหรือด้านหลังรถ กฎหมายจึงต้องกำหนดสีของไฟเอาไว้ชัดเจน ส่วนไฟท้ายและไฟเบรกต้องเป็นสีแดงเท่านั้น ไฟเบรกจะสว่างขึ้นมาได้ก็ต้องด้วยวิธีการเหยียบแป้นเบรกเท่านั้น จะมีสวิทช์ต่อพ่วงพิเศษไม่ได้ และจะสว่างแบบกระพริบถี่ๆ ก็ไม่ได้อีกด้วย ทั้งนี้ไม่เว้นแม้แต่ไฟสำหรับส่องให้ความสว่างที่ป้ายทะเบียนด้านท้ายรถ กฎหมายกำหนดให้ใช้ไฟสีขาวหรือสีเหลืองเช่นกัน แต่กำหนดเข้มงวดขึ้นมาอีกว่าต้องมีโคมบังแสงไฟไม่ให้รบกวนสายตาผู้ที่ขับรถตามหลัง   ต้องบังคับแสงไฟให้ส่องสว่างลงไปที่ป้ายทะเบียนเท่านั้น ดังนั้นรู้แบบนี้แล้วคุณคงพอจะตอบตัวเองกันได้ว่ารถคุณถูกหรือผิด รวมถึงถ้าคุณเห็นไฟที่ผิดแปลกไปจากนี้ถ้ามีด่านรับรองเตรียมจ่ายค่าปรับได้เลย ถ้าเอากันจริงจัง 2,000 บาทนะครับ ไหนๆเขียนถึงเรื่องนี้ขอต่อไปถึงเรื่องแสงสว่างหน้ารถ บรรดาซีนอนทั้งหลายหรือหลอดไฟส่องสว่างเวลากลางวันไปติดกันเองแบบรถรุ่นใหม่ถ้าตำรวจตรวจจับกันจริงคุณคงไม่รอดแน่ แสงแทงเข้าไปในดวงตาน่ารำคาญบางคนเสียหลักก็มี จริงๆแล้วข้อห้ามก็มีแต่ไม่สนใจ

                ไม่ว่าจะไฟเล็กหรือไฟหรี่ให้ติดอยู่ด้านหน้ารถริมสุดข้างละหนึ่งดวง ห่างจากส่วนริมสุดของตัวรถเข้ามาได้ไม่เกิน 40 เซนติเมตร มีกำลังความสว่างได้ไม่เกินดวงละ 10 วัตต์ ทั้งไฟสูง, ไฟต่ำ และไฟหรี่จะรวมอยู่ในกรอบโคมเดียวกันก็ได้  สำหรับไฟตัดหมอกจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้ามีต้องมีความสว่างดวงละไม่เกิน 55 วัตต์  ความสูงของโคมไฟตัดหมอกต้องไม่เกินกว่าไฟสูงและไฟต่ำ สีของไฟตัดหมอกจะเป็นสีขาวหรือสีเหลืองก็ได้ ไม่ใช่ว่าติดเอาตามกระแสติดโดยไม่รู้จักความถูกต้องผมก็ไร้ค่าแถมสร้างความเดือดให้คนอื่นด้วย เพราะรักจึงเขียนเตือน รู้ไว้ใช่ว่า เรื่องเล็กน้อยอย่ามองข้าม

STORY:BLACK MAN

PHOTO:www.mercedes-benz.com