• 29 มิถุนายน 2018 at 12:17


"อาจไม่ถึงกับต้องปีนป่ายหินก้อนโตที่ขวางทางได้

ไม่ถึงกับข้ามห้วยที่มีระดับน้ำสูงเกือบท่วมคัน

แต่บอกได้คำเดียวความสะดวกสบายบนช่วงล่างอันน่าทึ่งของเจ้า SUV คันนี้

                  จะทำให้ข้อจำกัดของการผจญภัยในวันหยุดของคุณลดลงไปอีกโขเลยทีเดียว"



         คุณเป็นขาลุยที่รักความสบายใช่หรือเปล่า ? ถ้าใช่เจ้า Outback ใหม่ คันนี้คงจะตอบโจทย์ความต้องการนั้นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว จากการกลายพันธุ์ของ  Subaru Legacy Lancaster ที่ก่อนหน้านั้นรุ่น Lagacy ได้มีวิวัฒนาการหลากโฉมเรื่อยมาตั้งแต่ปี 1194 จากนั้นในปี 2009 ทั่วโลกก็เริ่มรู้จักชื่อ Outback มากยิ่งขึ้นในฐานะรถ SUV ซึ่งไปได้สวยในของตลาดฝั่งอเมริกาและยุโรป ระหว่างนั้นซูบารุเองก็ได้มีการพัฒนาโฉมหน้าและเทคโนโลยีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด Outback ก็ได้กลับมาอีกครั้งในปี 2015 ภายใต้ชื่อว่า The New Outback 2.5i-S AWD


         รูปร่างหน้าตาแม้จะเน้นความกว้างขวางเหมือนเคย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเจ้า Outback ใหม่ หุ่นเฟิร์มขึ้นจากเส้นสายรอบคันที่เพิ่มเข้ามา ขนาดตัวถังยาว 4,815 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,675 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,745 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้า/หลัง อยู่ที่ 1,570/1,590 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถนนจนถึงใต้ท้องรถ 213 มิลลิเมตร ซึ่งมาพร้อมกับถังน้ำมันขนาด 60 ลิตร เมื่อเทียบสัดส่วนกับ Outback รุ่นปี 2009 แล้ว Outback รุ่นใหม่ มีความยาวฐานล้อเท่าเดิม แต่ความยาวเพิ่มขึ้นถึง 40 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 60 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 70 มิลลิเมตร นั้นหมายถึงพื้นที่ใช้สอยต่างๆนาก็น่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยถูกไหมล่ะครับ


         ไฟหน้าติดตั้งแถบไฟหรี่ LED ล้อมโคมโปรเจคเตอร์แบบ LED เอาไว้ นอกจากนั้นชุดไฟหน้ายังสามารถปรับระดับ สูง-ต่ำ อัตโนมัติ พร้อมหัวฉีดน้ำทำความสะอาด กระจังหน้าดีไซน์ใหม่รูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู พร้อมช่องดักลมด้านล่างสามารถเปิด/ปิด การรับลมเข้าได้ (Active Grill Shutter) ซึ่งจะทำงานสอดคล้องกับเครื่องยนต์เพื่อรักษาอุณหภูมิ และลดแรงต้านของลม โดยขนาบข้างด้วยไฟตัดหมอกวงกลมดวงใหญ่อันดุดัน เข้ากันได้ดีกับล้ออัลลอยปัดเงาลาย 10 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว สวมยาง Yokohama Geolander ขนาด 225/60 R18


         เส้นสายข้างตัวรถเน้นความเป็นเหลี่ยมสันมากขึ้นโดยเฉพาะ Shoulder line ที่เพิ่มเข้ามาบริเวณประตูหน้าลากยาวจรดไฟท้าย กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวถูกย้ายตำแหน่งมาติดตั้งบนประตูเพิ่มความเป็น Sport มากยิ่งขึ้น ส่วนล่างประตูติดตั้งสเกิร์ตสีดำพร้อมแถบโครเมียมทั้งประตูหน้าและหลังเอาใจขาลุย ไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED กันชนหลังสีดำตัดกับสีเงินเมทัลลิคตรงกลาง พร้อมแผงทับทิมสีแดงซ้าย-ขวา กระจกหลังติดตั้งบังลม มีใบปัดน้ำฝนพร้อมหัวฉีดน้ำล้างกระจก และไล่ฝ้า ที่เด็ดคือบนหลังคาทางซูบารุได้ติดตั้งแร็คบรรทุกสัมภาระที่ใช้งานง่าย สามารถถอดประกอบได้รวดเร็ว โดยรวมแล้วรูปลักษณ์ภายนอกก็ดูลุยและลงตัวดี ต่างจากรุ่นก่อนที่อาจจะดูอ้วนๆและหน่อมแน้มไปหน่อยนึง


         ระบบกุญแจ Smart Keyless Access มาพร้อมระบบ Immobilizer เพียงแค่พกรีโมทกุญแจติดตัวก็จะสามารถดึงมือจับปลดล็อกและเปิดประตูได้ แต่ถ้าจะล็อกรถก็เพียงใช้นิ้วแตะลงบนปุ่มเล็กๆ บนมือจับประตูคู่หน้า ประตูก็จะล๊อกทันที นอกจากนั้นบนกุญแจยังมีปุ่มเปิด/ปิด ประตูท้ายด้านหลังแบบอัตโนมัติอีกด้วย



         หลังจากเข้ามาอยู่ในห้องโดยสารที่เรียบง่ายตามสไตล์ของซูบารุ อย่างแรกที่สะดุดตาเลยก็คือแดซบอร์ดคอนโซลขนาดใหญ่โดยมีจอมอนิเตอร์กับแผงควบคุมระบบปรับอากาศที่มีหน้าตา และตำแหน่งในการจัดวางที่ง่าย สะดวกต่อการใช้งาน ตำแหน่งของเบาะนั่งรู้สึกได้ว่าสูงกว่าปกติซึ่งผมเองพยายามปรับให้มันต่ำที่สุดแล้วแต่มันควรจะต่ำได้มากกว่านี้อีกสำหรับส่วนสูง 180 เซนติเมตรของผม วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังสีดำพร้อมระบบปรับไฟฟ้าคู่หน้าซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่นั่งสบาย มาตรวัดเปลี่ยนสีได้ถึง 10 สี ตรงกลางมาตรวัดมีจอภาพ MID Multi information display แจ้งเตือนการทำงานของระบบต่างๆ อ่านค่าได้ง่ายชัดเจน 


         พวงมาลัยสปอร์ตแบบสามก้านหุ้มหนังแท้จับถนัดมือ พวงมาลัยไฟฟ้าของ Outback ใหม่ มาพร้อมกับปุ่มควบคุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มควบคุมและปรับตั้งระบบครูสคอนโทรล ,ปุ่มรับ/วางสายโทรศัพท์แบบบลูทูธ ,ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงติดรถ และปุ่มปรับตั้งโหมดการขับเคลื่อน 2 รูปแบบ (Sport Mode / Intelligent Mode) ซึ่งจะอยู่บริเวณก้านพวงมาลัยทั้งซ้ายและขวา รวมถึงแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift สำหรับการใช้งานระบบเกียร์ในโหมด M หรือ แมนนวล


         คันเกียร์ออกแบบมาให้สั้นแบบในรถสปอร์ต ระบบเกียร์เป็นแบบ Lineartronic CVT 6 สปีด สามารถปรับอัตราทดในโหมด M ได้ การเปลี่ยนเกียร์จึงทำได้สองรูปแบบ คือ ปล่อยให้เกียร์ทำงานเองในตำแหน่ง D หรือดันคันเกียร์มาทางขวาในตำแหน่ง M เพื่อชิฟเกียร์เองผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift เท่านั้น เนื่องจากคันเกียร์ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้โยกขึ้นหรือลงในตำแหน่ง +/- ได้แบบรถทั่วๆไป นอกจากนั้นน้ำหนักของพวงมาลัยแปรผันความหนัก-เบา ตามความเร็วของการขับขี่ 



         โดยรวมแล้วห้องโดยสารถือว่ากว้างขวางและสะดวกสบายเลยทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็น ทัศนวิสัยในการมอง ,ซันรูฟที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของห้องโดยสาร ,ระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ,ระบบความบันเทิง (รองรับ AM/FM,CD,AUX ,Bluetooth,USB 2 ช่อง) บนจอTouchscreen ขนาด 7 นิ้ว ,ชุดลำโพงพร้อม Sub Wooffer คุณภาพสูงจาก Harman Kardon จำนวน 12 จุด ,กล้องมองหลังที่ง่ายต่อการถอย/จอดรถ ,ช่องเก็บของอเนกประสงค์ ,บานประตูหน้า/หลัง และท้าย สามารถเข้า-ออก ขนย้ายสัมภาระได้สะดวก ,พื้นที่เหนือศรีษะที่โลงโปร่ง เบาะนั่งแถวสองก็ถือว่านั่งสบายไม่ติดเข่า แถมยังสามารถพับเบาะแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ อย่างเช่น กีตาร์ ลังน้ำแข็ง กรงสุนัข กระถางต้นไม้ กระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ๆ หรือแม้แต่จักรยานจำนวน 2 คัน ก็ยังใส่ได้แบบเหลือๆ 


         มาดูสมรรถนะการขับขี่กันบ้าง เครื่องยนต์แบบสูบนอนหรือ Boxer เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีความได้เปรียบเครื่องยนต์แถวเรียงในเรื่องของจุดศูนย์ถ่วงอยู่แล้ว บวกกับระบบบังคับเลี้ยวและการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive อันเลื่องชื่อของซูบารุ ทำให้การควบคุม การยึดเกาะผิวถนนที่มีความหลากหลายทั้ง บนทางหลวงทั่วๆ ไป ,เส้นทางลูกลังที่มีพื้นผิวขรุขระ หินกรวด ,เส้นทางที่ต้องหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ,พื้นผิวถนนแห้งและเปียก ตอบสนองได้ดีเยี่ยมน่าประทับใจ เรียกได้ว่า นุ่ม แน่น หนึบ แป้นเบรกมีระยะเหยียบกำลังดี คือ ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป การเบรกจึงมั่นใจได้ไม่ต้องลุ้นให้ใจหาย



         จังหวะออกตัวก็ทำได้อย่างว่องไวไม่อืดอาดสำหรับกำลัง175 แรงม้าที่ให้มา ส่วนแรงบิด 235 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ก็ถือว่าตอบสนองได้โอเคเลยทั้งความเร็วปานกลางและความเร็วสูงตั้งแต่ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นไป อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ประมาณ 11 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 194 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในส่วนของระบบเกียร์ออโตแบบ Lineartronic CVT ก็ถือว่ามาตรฐานนิ่มนวลและต่อเนื่องไม่มีปัญหาอะไร อัตราการสิ้นเปลืองทำได้ไม่เลว เป็นที่น่าพอใจไม่ได้เปลืองกว่าที่คาดเอาไว้ เฉลี่ยอยู่ที่ 7.8 ลิตร/100 กิโลเมตร รองรับน้ำมันเบนซิน 95 แก๊สโซฮอลล์ 95 



         แม้ราคาค่าตัว 2,590,000 บาท ซึ่งอาจจะดูสูงอยู่พอสมควรถ้าเทียบกับรถในพิกัดเดียวกันที่มีอยู่ในตลาด หรือเผลอๆ Outback ใหม่ คันนี้อาจจะถูกมองข้ามไปเลยก็เป็นได้ แต่เดี๋ยวก่อนถ้าพูดถึงความอเนกประสงค์ ความกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวก ประสิทธิภาพบนทางออนโร้ด/อ๊อฟโร้ด ความปลอดภัย ตลอดจนเอกสิทธ์ของเครื่องยนต์ Boxer อันเลื่องชื่อ ผมมองว่าผู้ใช้จะไม่มีทางขาดทุนแน่นอนสำหรับ The New Outback 2.5i-S AWD คันนี้

ข้อมูลเทคนิค

แบบตัวรถ                                            อเนกประสงค์,SUV (Sport Utility Vehicle) 

มิติตัวรถ(ยาวxกว้างxสูง มม.)                     4,815 x 1,840 x 1,675        

รหัสเครื่องยนต์                                      FB25

เครื่องยนต์แบบ                                     เบนซิน ลูกสูบนอน,4 สูบ 4 จังหวะ DOHC 16 วาล์ว

ความจุ                                               2,498 ซีซี.

กำลังสูงสุดแรงม้า(รอบ/นาที)                    175/5,800

แรงบิด(นิวตัน/เมตร-รอบ/นาที)                  235/4,000

น้ำมัน                                                เบนซิน 95 ,แก๊สโซฮอลล์ 95

ระบบส่งกำลัง                                       อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง

ความเร็วสูงสุด                                      194 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ช่วงล่าง

หน้า                                                  แมคเฟอร์สันสตรัท                               

หลัง                                                  Lower L-Arms/ดับเบิลวิชโบน พร้อมเหล็กกันโคลง

ความจุถังน้ำมัน(ลิตร)                              60

ติดต่อผู้จำหน่าย                                    www.subaru.asia/th โทร. 02-725-1888   










ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2