• 6 สิงหาคม 2018 at 10:37

Toyota C-HR Hybrid

ครอสโอเว่อร์สไตล์สปอร์ต ขับสนุก ช่วงล่างแน่น

                โตโยต้าไม่เคยหยุดเรื่องการพัฒนาระบบไฮบริด และค่อนข้างเห็นเป็นรูปธรรมในเมืองไทยเสียด้วยซ้ำ ถึงแม้ค่ายอื่นจะมีเข้ามาบ้าง ทว่าโตโยต้ายังมีความชัดเจนต่อเนื่อง มีความลงตัวในทุกด้านแล้วยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ชาวไทยเกี่ยวกับไฮบริดได้เป็นอย่างดี

                จากความสำเร็จดังกล่าวของระบบไฮบริดของโตโยต้าจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากการพัฒนาต่อยอดผลงานดังกล่าวจะเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ไฮบริดถือเป็นเจเนอเรชั่นที่4 มาพร้อมกับ Toyota C-HR เป็นความภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับการนำไฮบริดเข้าสู่ตลาดเมืองไทย  C-HR มีระบบเครื่องยนต์ 2 ทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และ เครื่องยนต์ไฮบริด เจเนอเรชั่นใหม่ ที่มาพร้อมความคุ้มครองที่ครบครันจาก Hybrid Package ซึ่งครอบคลุมถึงการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด ระบบไฮบริด จากเดิม 3 ปี เพิ่มเป็น5ปี เพียงแค่เผยโฉมแบบไม่เป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34 ทุกคนยังไม่เคยได้สัมผัสกับตัวจริงและสมรรถนะ ของ C-HR Hybrid แต่ก็ตัดสินใจจองทันทีทำให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้าเชื่อมั่นในชื่อของโตโยต้าขนาดไหน

                แล้วที่สำคัญในการพัฒนาครั้งนี้โตโยต้ายังได้มาพร้อม 4 นวัตกรรมใหม่ของโตโยต้า ได้แก่ ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นใหม่ สถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA ระบบ TOYOTA SAFETY SENSE และระบบ TELEMATICS โดยโครงสร้างตัวถังใหม่นี้ TNGA(Toyota New Global Architecture)สร้างมาเพื่อให้เกิดสมรรถนะสูงสุด โดยโครงสร้างใหม่นี้มาจากแนวคิดที่ต้องการให้รถยนต์โตโยต้ามีความสมบูรณ์แบบ ตัวถังใหม่นี้จึงมาพร้อมกับจุดเด่น 6 หัวข้อหลัก

               Body rigidity พัฒนาโครงสร้างให้มีความแข็งแกร่งมีมากขึ้น, Low center of gravity พัฒนาให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เพื่อลดการโคลงตัวของตัวถัง อันจะส่งผลให้เกิดการเข้าโค้งได้ดีขึ้น,STABILITY สร้างประสิทธิภาพการเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น,AGILITYมีความคล่องตัวในทุกจังหวะการขับขี่ทั้งในเมืองนอกเมือง,VISIBILITY เพิ่มมุมมองการขับลดจุดอับสายตาภายในห้องโดยสารลงและ,Double Wishbone Suspension ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ สร้างความยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้นพร้อมทั้งยังสร้างความนุ่มนวล ซึ่งทั้งหมดนี้มันคือสมรรถนะที่สัมผัสได้จริง

                การดีไซน์แทบไม่ต้องอธิบายถึงความล้ำสมัยว่าขนาดไหน เขาบอกว่าผลงานทั้งหมดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเจียรนัยเพชร “มีความเฉียบคมในทุกมุมทุกมิติ” นี่ถ้าไม่ได้ขับกันจริงเราคงคิดว่า C-HR เป็นแค่รถต้นแบบที่จอดโชว์ตามงานมอเตอร์โชว์เผยแนวคิดของรถยนต์ของค่ายนั้นๆในปีถัดไป ทุกเส้นสายมีความเฉียบคมตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงท้ายนับว่าใกล้เคียงกับรถต้นแบบน่าจะเกิน80% มองจากด้านหน้าเราจะเห็นความดุดันผ่านชุดไฟหน้าแบบแอลอีดีรวมถึงไฟส่องสว่างเวลากลางวัน(LED Daytime Running Light)ที่ลากเส้นยาวไปจนถึงด้านบน มองจากด้านข้าง C-HR เผยให้เห็นถึงมัดกล้ามขนาดใหญ่รวมถึงสันเส้นค่อนข้างชัดเจน ไฟท้ายแบบ LED รมดำจัดวางรับกับฝาท้าย เลยขึ้นไปต่อเนื่องกับหลังคาจะมีสปอยเล่อร์สีดำแบบเดียวกับหลังคารวมถึงไฟเบรกดวงที่สาม ต่ำลงมาฝาท้ายเราจะเห็นว่ามีเป็นส่วนที่ถูกออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์ลดการหมุนวนของลม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED สว่างชัดเจน และยังมีไฟส่องสว่างที่กระจกมองข้างมาให้เป็นแบบ LED (Welcome Lamp) ส่วนล้อแม็กเป็นแบบ 5 ก้านพร้อมยางขนาด215/60 R17 ขนาดล้อ 17 นิ้ว ดูแล้วมีความลงตัวไม่เล็กเกินหรือใหญ่เกินไป

                แล้วผลงานที่ได้จากแรงบันดาลใจมากเพชรที่ถูกเจียรนัยนั้น ไม่ได้มีแค่ภายนอกเท่านั้น เพราะมันยังต่อเนื่องมาถึงในห้องโดยสาร เราจะเห็นสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดอยู่ตามสวิทช์แอร์แป้นพวงมาลัยหรือแม้กระทั่งบนเพดานหลังคา ภายในห้องใช้ทีสีแบบทูโทน ดำ-น้ำตาล พื้นที่ใช้สอยมีเพียงพอเบาะนั่งหนังทรงสปอร์ตในคู่หน้ามีความกระชับลำตัว พวงมาลัยแบบสามก้านหุ้มด้วยหนังเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นใช้งานงานได้ง่าย เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40 การเก็บสัมภาระทำได้ดีกว่าที่คิด มองจากภายนอกอาจจะคิดว่าแคบแต่ถ้าลองเปิดท้ายแล้วพับเบาะมันกว้างจริงๆ ระบบสตาร์อัตโนมัติแบบปุ่มกด (push start) เบรกมือเป็นแบบไฟฟ้าพร้อมระบบHOLD Brake เบาะนั่งคู่หลังไม่ได้แคบจนเกินไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสีของห้องโดยสารที่ทำให้ดูแคบ รวมถึงบานกระจกที่เล็ก แต่ก็อย่างที่บอกว่าการเขาคือครอสโอเว่อร์สไตล์คูเป้ด้านหลังเลยดูแคบแต่แค่ภายนอกนะ จอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วบริเวณกลางคอนโซล สามารถใช้งานได้ค่อนข้างง่าย

                แน่นอนในอีกระบบที่น่าสนใจและช่วยเหลือคนขับได้อย่างดี คือToyota T-Connect Telematics เป็นระบบที่เชื่อมต่อเรากับC-HR hybrid ไว้ด้วยกันโดยระบบทำงานผ่าน Smart Phone และ Apple watch และยังรวมถึงเครือข่ายศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะ เพื่อรับข้อมูลและความช่วยเหลือตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น ระบบนำทาง Operator ที่เราสามารถขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา แล้วที่มันเจ๋งอีกอย่างคือสามารถตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์ได้ ซึ่งจะใช้ในกรณีที่เราโดนขโมยเปิดค้นหาตำแหน่งแล้วระบุพิกัดได้ สมกับเป็นแห่งยุคเทคโนโลยีจริงๆ    

                ห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดี เครื่องยนต์ทำงานได้นิ่งและเงียบ ใน C-HR hybrid ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE DOHC 16 วาล์ว แรงม้าสูงสุดเครื่องยนต์และไฟฟ้ายู่ที่ 122 แรงม้า ส่วนแรงบิดอยู่ที่ 142 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้า แรงบิดสูงสุด163 นิวตันเมตร เพียงพอหรือไม่โดยส่วนตัวผมคิดว่าพอแน่นอน ระบบส่งกำลังเป็นแบบ E- CVT มีความนุ่มนวลมากแทบไม่รู้สึก ตัดต่อกำลังสลับระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำได้ราบรื่นมาก แล้วยิ่งมารวมกันกับความเงียบของห้องโดยสารยิ่งทำให้เรารู้สึกดีมาก

                นอกจากนี้ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นใหม่ของ C-HR Hybrid มาพร้อมกับ PCU(Power Control Unit)คือการพัฒนาให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันโตโยต้ายังใช้แบตเตอรี่ไฮบริด Ni-MH(Nickel-Metal Hydride) เป็นแบตเตอรี่ใหม่มีขนาดเล็กลง แต่เก็บประจุไฟฟ้าได้เร็วขึ้น และสามารถจ่ายไฟให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับพัฒนาระบบระบายความร้อนใหม่ ทำให้มีความทนทานและประหยัดน้ำมันมากขึ้น

                ส่วนการตอบสนองเครื่องยนต์ทำได้ตามพิกัดแต่ในช่วงความเร็วปลายรูสึกดีมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเซ็ตช่วงล่างมาอย่างดี ซึ่งทำให้เราได้สัมผัสถึงสิ่งโตโยต้าต้องการนำเสนอคือ TNGA(Toyota New Global Architecture) จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำทำให้การเกาะถนนทำได้ดีมาก ความนุ่มนวลก็มีแบบนี้ถือว่าสมบูรณ์แบบ ทั้งที่เป็นรถครอสโอเว่อร์น่าจะมีอาการโคลงบ้างแต่ก็ไม่มีให้รู้สึกเว้นแค่ลมปะทะด้านข้างแบบแรงจริงๆ พวงมาลัยแม่นยำ

                สำหรับโหมดการขับนั้นเราเลือกได้ 3 โหมดคือ EV Mode ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักใช้ได้ดีในย่านความเร็วต่ำ ถ้าอยากได้ความสนุกขึ้นมาอีกขั้นต้องเลือกใช้ Sport Mode ระบบจะปรับอัตราทดเกียร์ให้สูงขึ้นเพื่อให้ขับสนุกมากยิ่งขึ้น อีกโหมดคือ Eco MODEสำหรับความประหยัดโดยตรงโดยระบบจะปรับให้แอร์และเครื่องยนต์ทำงานประหยัดมากที่สุด

           ส่วนมาตรฐานความปลอดภัยถือว่าเป็นจุดขายเช่นกัน C-HR Hybrid มาพร้อมกับ Toyota Safety Sense หรือTSSโดยระบบนี้ยกมาจากคัมรี่ส์ถือเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก อย่างระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบจะใช้เรดาร์ตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหน้าและส่งสัญญาณเตือนเพื่อให้ลดความเร็ว ระบบควบคุมและหรับความเร็วอัตโนมัติ(Dynamic Radar Cruise Control) ระบบจะทำงานโดยใช้เรดาร์ตรวจจับรถคันหน้าและรักษาระยะห่างตามความเร็วที่เราตั้งไว้เมื่อมีรถแทรกเข้ามาระบบก็จะลดความเร็วลงและความเร็วจะกลับมาเท่าเดิมเมื่อรถคันหลบไป

                สรุปความรู้สึกหลังอยู่ด้วยกันหลายวัน Toyota C-HR Hybrid เป็นรถไฮบริดที่สมรรถนะเยี่ยม เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีขณะเดียวกันมอเตอร์ก็ทำงานได้เงียบประหยัด ห้องโดยสารไม่ได้รู้สึกแคบทั้งตอนหน้าและหลัง โครงสร้างใหม่ส่งผลต่อการยึดเกาะอย่างเห็นได้ชัด โหมดการขับก็ช่วยได้เยอะโดยเฉพาะใน Sport Mode ขับสนุกมาก ถ้าซื้อเทคโนโลยีผมว่านี่แหละคือความคุ้มค่า

ข้อมูลเทคนิค

รุ่นรถ                                  Toyota C-HR

แบบตัวถัง                           Sub-Compact SUV

มิติ(กว้าง xยาว x สูง มม.)     1,831 x 4,388 x 1,608

แบบเครื่องยนต์                 เครื่องยนต์ไฮบริด/เบนซินแบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว

ความจุ                                  1,798 ซีซี.

กำลังสูงสุด                            98แรงม้า 5,200 รอบต่อนาที

แรงบิดสูงสุด                          742 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที

ระบบส่งกำลัง                         E-CVT

ระบบขับเคลื่อน                 2 ล้อหน้า

ความจุถังน้ำมัน                      43 ลิตร

ช่วงล่างหน้า                           อิสระแม็คเพอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง

ช่วงล่างหลัง                           อิสระแบบปีกนกคู่ (Double Wishbone)พร้อมเหล็กกันโคลง

ขนาดยาง/หน้า/หลัง                 215/60 R17

ระบบเบรกหน้า/หลัง                ดิสก์/ดิสก์

ผู้จำหน่าย                              บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

เว็บไซต์                             www.toyota.co.th

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2