• 7 กันยายน 2018 at 14:11

เชฟโรเลตแนะเคล็ดลับประหยัดน้ำมันในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด ราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่กำลังปรับตัวสูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบมากขึ้น 

         การบำรุงรักษารถยนต์ วางแผนการเดินทางท่องเที่ยว และพฤติกรรมการขับขี่  ที่ชาญฉลาดสามารถช่วยประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายได้การขับรถอย่างมีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มความปลอดภัย สำนักข่าว บลูมเบิร์ก หน้าเศรษฐกิจ ระบุว่า ราคาน้ำมันสูงขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อน และหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสูงขึ้น ในส่วนของประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ได้มีการคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ที่ 0.8-1.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกระตุ้นให้รัฐบาลทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บริโภคผ่านการอุดหนุนพลังงานเชื้อเพลิง ผู้บริโภคสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ ด้วยการปฏิบัติตามเคล็ดลับการประหยัดน้ำมันที่แนะนำโดยเชฟโรเลต ดังนี้ ปรับตั้งเครื่องยนต์อย่างถูกต้อง สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐหรืออีพีเอ (Environmental Protection Agency -EPA)   เผยว่าเครื่องยนต์ที่มีการปรับตั้งที่ถูกต้องจะช่วยประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณ4เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาที่สำคัญ เช่น เซ็นเซอร์วัดปริมาณออกซิเจนทำงานผิดปกติ  จะสามารถช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้มากขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ และผู้ขับขี่ไม่ควรละเลยสัญญาณไฟเตือนให้นำรถเข้าไปตรวจสอบ 

       ตรวจสอบแรงดันลมยาง  การเติมลมยางที่เหมาะสมสามารถเพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้มากขึ้นถึง 3.3 เปอร์เซ็นต์ และช่วยให้ปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนานขึ้น ยางที่มีลมยางอ่อนอาจทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น 0.3 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทุกหนึ่งปอนด์ต่อตารางนิ้วของความดันลมยางที่ตกลงทั้งสี่ล้อ ทั้งนี้ สำหรับการตรวจสอบลมยาง ผู้ขับขี่ไม่ควรตรวจสอบแค่จากในระบบเพียงอย่างเดียว แต่ควรตรวจเช็คสภาพลมยางด้วยอุปกรณ์วัดลมยางที่ดีอย่างน้อยเดือนละครั้ง และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านคู่มือการใช้งานรถยนต์ของคุณ

 แก้ไขปัญหาสิ่งอุดตันหากคุณหายใจไม่ออกคุณก็จะเคลื่อนไหวได้ยากลำบาก เครื่องยนต์ก็เช่นกันเครื่องกรองอากาศที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างหนัก และสิ่งแปลกปลอมอาจทำลายเครื่องยนต์ได้ การเปลี่ยนไส้กรองที่อุดตันจะช่วยเพิ่มการประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ ตามข้อมูลของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐหรืออีพีเอระบุว่าในรถยนต์สมัยใหม่การเปลี่ยนไส้กรองที่อุดตันและสกปรกจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้รถยนต์มีการเร่งความเร็วที่ดีขึ้นเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะสมการใช้น้ำมันเครื่องจะช่วยลดการเสียดสีขอเครื่องยนต์ เพราะการเสียดสีนั้นจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ยากขึ้น ดังนั้น การใช้น้ำมันเครื่องตามที่บริษัทผู้ผลิตรถแนะนำจะช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันขึ้นอีก1-2 เปอร์เซ็นต์ 

        ตรวจสอบฝาถังน้ำมัน ฝาถังน้ำมันที่หลวมหรือปิดไม่สนิท ไม่เพียงแต่จะทำให้ “ไฟเตือนรูปเครื่องยนต์” แจ้งเตือน  แต่ยังเป็นเหตุทำให้น้ำมันระเหยไปหลายล้านลิตรในทุกๆ ปี ฝาถังน้ำมันที่หลวมหรือปิดไม่สนิทจะทำให้การประหยัดน้ำมันลดลง 1-2 เปอร์เซ็นต์ หลีกเลี่ยงสิ่งของที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ

       การมีล้อขนาดใหญ่เต็มซุ้มล้อ และยางอัลตราโลว์โปรไฟล์อาจจะทำให้รถดูน่ามอง แต่จะเพิ่มอัตราการบริโภคน้ำมันให้สูงขึ้น นอกจากนี้ ล้อและยางที่มีขนาดใหญ่ยังทำให้แรงต้านการหมุนของล้อเพิ่มขึ้นเพิ่มน้ำหนักใต้สปริงของช่วงล่าง(Un-sprung weight) และส่งผลต่อหลักอากาศพลศาสตร์  ซึ่งทำให้ใช้น้ำมันมากขึ้น และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่ในกรณีร้ายแรงอาจเป็นอันตรายต่อการเบรกและการควบคุมรถวางแผนการเดินทางของคุณ ควรวางแผนการเดินทางให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการพาลูกไปโรงเรียน การไปซื้อของใช้จำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีการจราจรติดขัด  

       นำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถ การบรรทุกสัมภาระที่มากเกินไปทำให้รถของคุณต้องใช้กำลังและสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐหรืออีพีเอ ระบุว่า น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 45 กิโลกรัม จะทำให้ประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันลดลง 2 เปอร์เซ็นต์ และอาจจะลดลงมากขึ้นสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก การบรรทุกของหนักบนราวบนหลังคารถยนต์ทำให้ประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันลดลงถึง 5 เปอร์เซ็นต์ น้ำมันประมาณหนึ่งในสี่ลิตรของน้ำมันเชื้อเพลิงจะถูกเผาผลาญเมื่อรถต้องต้านกับแรงลม ดังนั้น เมื่อรถมีการบรรทุกสัมภาระไว้บนหลังคาจะทำให้การประหยัดน้ำมันลดลง 

      ขับรถให้ช้าลง การขับรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าจะใช้น้ำมันมากกว่าการรักษาความเร็วให้คงที่เหยียบคันเร่งอย่างนุ่มนวลเมื่อออกจากทางแยกหรือสัญญาณไฟจราจร หลีกเลี่ยงการเร่งรถอย่างรวดเร็ว การใช้ความเร็วมากเกินไป และการเบรกอย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้การประหยัดน้ำมันลดลง 33 เปอร์เซ็นต์ บนทางหลวง และลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการขับรถในเมือง การขับรถที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ 10-15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งประหยัดกว่าการขับด้วยความเร็ว 104กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามข้อมูลทางทรัพยากรธรรมชาติของประเทศแคนาดา (Natural Resources Canada) ความเร็วที่ช่วยประหยัดน้ำมันมากที่สุด สำหรับรถส่วนมากจะอยู่ระหว่าง 50-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลีกเลี่ยงการจอดรถแบบติดเครื่องยนต์นานเกินไป เมื่อคุณต้องขับรถอยู่ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด หากอากาศไม่ร้อนเกินไป ขอแนะนำให้ดับเครื่องยนต์ การจอดรถโดยที่ติดเครื่องยนต์ไว้จะเผาผลาญน้ำมันอย่างไร้ประโยชน์รถคันหนึ่งจะกินน้ำมันศูนย์กิโลเมตรต่อหนึ่งลิตร เมื่อเครื่องยนต์ไม่ทำงานขณะที่การสตาร์ทรถใหม่จะใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อยแต่การจอดรถติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 15 นาที จะเผาผลาญน้ำมันเกือบหนึ่งลิตร

       ใช้ระบบปรับอากาศอย่างชาญฉลาด เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ลดประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันลง 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าสภาพอากาศภายนอกเอื้ออำนวยแนะนำให้ปรับเพิ่มแรงลมให้สูงขึ้นเพื่อหมุนเวียนอากาศแทนการปรับลดอุณหภูมิลง และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องปรับอากาศหากขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสามารถปิดแอร์และเปิดหน้าต่างแทนได้ถ้าอากาศดี แต่ถ้าหากขับด้วยความเร็วเกินกว่า 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วเปิดหน้าต่างรับอากาศจากด้านนอก แรงฉุดของลมที่ไหลเวียนเข้ามาทางหน้าต่างจะทำให้รถกินน้ำมันมากกว่าการเปิดแอร์

       ใช้เกียร์สูง เมื่อขับรถด้วยเกียร์ธรรมดาให้ใช้เกียร์สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ให้ต่ำเนื่องจากการหมุนรอบเครื่องยนต์ต่ำจะใช้น้ำมันที่น้อยกว่า แต่ไม่ควรขับขี่เช่นนี้มากเกินไป เพราะจะฉุดกำลังเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์หยุดทำงาน หากขับขี่รถเกียร์อัตโนมัติควรผ่อนคันเร่งเล็กน้อยในจังหวะที่ระบบเกียร์เปลี่ยนไปสู่เกียร์ที่สูงขึ้น รถเชฟโรเลตทุกรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ซึ่งมีอัตราการทดเกียร์ที่สูงกว่า ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่และประหยัดน้ำมัน 

      ใช้ระบบควบคุมความเร็วให้คงที่อัตโนมัติ (ครูสคอนโทรล)  ถ้ารถของคุณมาพร้อมระบบครูสคอนโทรล ให้เปิดใช้ระบบนี้ โดยเฉพาะการขับรถบนทางหลวง ระบบครูสคอนโทรลจะช่วยป้องกันไม่ให้ขับรถเร็วเกินกำหนด และช่วยประหยัดน้ำมัน ผ่านการเร่งและผ่อนความเร็วอย่างนุ่มนวล ซึ่งระบบจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อใช้ร่วมกับโหมด “ประหยัด” หรือโหมด “ออโต้” ทั้งนี้ ไม่ควรใช้ระบบดังกล่าวในช่วงที่ฝนตกหนักหรือบนถนนที่เปียกลื่น

      ลดความเร็วลงอย่างนุ่มนวลหรือเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์สูงมาเกียร์ต่ำจนรถจอดสนิท เมื่อขับรถเกียร์อัตโนมัติในสภาพการจราจรที่หนาแน่น คุณสามารถขับรถเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เพราะรถจะแล่นไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ หากขับรถเกียร์ธรรมดา ให้ลดเกียร์ลงอย่างต่อเนื่องจนรถจอดสนิท ผู้ขับขี่สามารถถอนคันเร่งออก ขณะที่ยังใส่เกียร์เดินหน้าอยู่ได้ เครื่องยนต์สมัยใหม่แทบจะไม่ใช้น้ำมัน และเพียงพอต่อการเลี้ยงเครื่องยนต์ไม่ให้ดับ เครื่องยนต์จะใช้น้ำมันมากกว่าถ้าอยู่เกียร์ว่าง   ขณะรถจอดนิ่ง

 

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2