• 29 มิถุนายน 2018 at 12:15

Story : Black Man

Photo : www.esa.int

          แจ้งเบาะแสได้เงิน ผลลัพธ์คือ...

            ถ่ายรูปส่งไลน์กลุ่ม แจ้งเบาะแสคนทำผิดกฎหมายผลดีคืออะไร?

            ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรมากเพียงแค่ได้ยินเสียงสะท้อนจากรอบทิศทางของผู้คนที่ประสบพวกเจอกับปัญหาดังกล่าว ส่งภาพไปแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่บางกลุ่มก็จ้องหารายได้กับเรื่องเหล่านี้ หรือถ้าพัฒนาต่อไปมันก็จะกลายเป็นเรื่องดีระดับชาติ หน่วยงานๆต่างๆควรนำไปเป็นแบบอย่าง โปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นจากความต้องการลดการทำกฎจาราจรเช่นขับรถย้อนศร ขับรถบนฟุตบาตร หรือแม้กระทั่งใช้เส้นทางเท้าก็ตาม ของส่วนรวมก็ตาม เมื่อประกาศนี้ออกมาผมรู้สึกดีใจอย่างน้อยต่อไปเราจะแจ้งอะไรก็จะมีความรวดเร็วมากขึ้นทำอะไรก็สะดวกทันทีเมื่อเราเห็นอะไรที่ไม่ชอบธรรมก็สามารถส่งเข้าไปพร้อมอธิบายเหตุการณ์ได้ทันท่วงทีไม่ต้องเสียเวลาโทร ซึ่งโทรศัพท์กว่าจะติดอาจเสียเวลาไปหลายชั่วโมง บางครั้งไม่ใช่แค่เรื่องทำผิดกฎจราจร แต่ยังหมายถึงเรื่องการทำผิดกฎหมายประเภทอื่นเช่นวิ่งราวทรัพย์ ล้วงกระเป๋า ทำร้ายร่างกายฯลฯ สิ่งเหล่านี้ควรจะต้องอยู่ในการแจ้งในกลุ่มไลน์ทั้งหมด

            ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ในวันนี้ได้เกิดเรื่องแจ้งเบาะแสคนทำผิดแล้วได้ครึ่งของค่าปรับเกิดขึ้น ดูจะเป็นประเด็นให้ได้พูดถึงกันอยู่มาก เมื่อมีเรื่องดีย่อมมีด้านลบตามมา ซึ่งก่อนหน้านี้มีปัญหาร้องเรียนกันจำนวนมาก เกี่ยวกับใช้พื้นที่ไม่เหมาะสมทั้งในทางจักรยานที่ลงทุนไปหลายล้านปรากฏว่าเหมือนทำให้รถมอเตอร์ไซค์ใช้แทน วิธีการแก้ปัญหาจะให้เทศกิจมายืนคอยจับผิดคงไม่เหมาะสู้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า อีกทั้งยังเฝ้ามองดูแล้วเขาไม่ยอมย่อมกระทบกระทั่งอาจเกิดเรื่องราวบานปลาย โดยเรื่องนี้เกิดมามีเป้าหมายมุ่งเน้นทำผิดกฎจราจรเป็นหลัก ซึ่งมีเงื่อนไขสำหรับกรณีการขับขี่รถบนทางเท้า แล้วประชาชนถ่ายภาพแจ้งเบาะแสมานั้น หากมีเลขทะเบียนชัดเจน กทม.ก็ประสานข้อมูลจากตำรวจจราจร และกรมขนส่งทางบกให้เจ้าของรถมาทำการจ่ายค่าปรับ แต่หากเจ้าของรถเพิกเฉยไม่มาจ่ายค่าปรับก็จะเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนกรณีการถ่ายภาพผู้กระทำความผิดอื่นๆ เช่นการทิ้งขยะในที่สาธารณะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเป็นผู้ช่วยหาตัวผู้กระทำความผิดได้ โดยจะมีการตรวจสอบข้อมูลตามทะเบียนราษฎร์เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งแต่ละกรณีจะมีอายุความ 1 ปี นับจากวันกระทำความผิด ดังนั้นเมื่อกทม.ได้รับแจ้งเบาะแสก็จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดนี่คือระบบการทำงาน

            ด้าน กทม.เองบอกว่ามีวัตถุประสงค์ในการออกระเบียบของกทม.ให้สามารถมอบส่วนแบ่งค่าปรับให้แก่ประชาชนผู้แจ้งเบาะแสได้นั้น เป็นการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดผลสำเร็จ และจะทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน เพราะหากเป็นกลุ่มข้าราชการ หน่วยราชการอื่น ๆ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่เทศกิจ มีการละเมิดกฎหมาย ขับขี่รถบนทางเท้า หรือ กระทำการอื่น ๆ ที่ผิดตามพ.ร.บ.รักษาฯ มีผู้แจ้งเบาะแส ก็จะต้องดำเนินการจับปรับเช่นกัน อีกทั้ง การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมการดูแลพื้นที่สาธารณะ จะทำให้ทุกคนตระหนักถึงการเป็นเจ้าของพื้นที่สาธารณะอย่างเท่าเทียมกัน และช่วยกันดูแลรักษาพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งตนคาดว่า เมื่อกทม.ดำเนินการจับปรับอย่างจริงจัง และประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลทุกพื้นที่ จะทำให้ผู้ละเมิดกฎหมาย กระทำความผิดในที่สาธารณะ ตามพ.ร.บ.รักษาฯลดน้อยลงอย่างแน่นอน  “ทว่าผ่านมาถึงวันนี้เรายังเห็นหลายคนกระทำความผิดเหมือนเดิมไม่รู้สึกอะไรเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

            แล้วแบบนี้จะไม่เข้ารูปแบบเดิมเหรอจะแจ้งกันทีก็ต้องใช้เวลาหลายวันแล้วทุกอย่างก็ผ่านไป ลืมไปหรือเปล่าหากตั้งกรุ๊ปใลน์ขึ้นมาแอดมินก็ต้องนั่งตรวจตราตลอดเวลาเพื่อให้ทันท่วงทีไม่ใช่ปล่อยจนไม่มีใครอยากจะส่งเพราะส่งไปก็ไม่เห็นมีผลอะไรแน่นอนว่าระการสื่อสารยุคดิตอลเป็นสิ่งดีผู้เขียนเองยังอยากให้ทุกอย่างดำเนินเป็นขั้นตอน เพื่อให้เกิดประโยชน์ไม่ใช่แค่เรื่องจราจรเท่านั้น ทว่ามันยังต้องรวมถึงเรื่องอื่นๆอันเกี่ยวข้องต่อการทำผิกฎหมาย สามารถเชื่อมโยงกันได้ยิ่งดีมาก อีกเรื่องน่าเป็นห่วงถามแทนผู้ส่งแล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อมูลดังกล่าวปลอดภัยสำหรับตัวเขา ส่งไปแล้วจับจริงแล้วคุณจะแบ่งให้เขาจริงหรือเปล่า ทำอะไรควรโปร่งใสชัดเจนไม่ใช่แค่สร้างขึ้นแล้วปล่อยไปตามเวลาไร้คนติดตาม  ยุค 4.0 ทำอะไรต้องคิดให้ไกล คิดให้เร็ว ถ้าดีก็ต้องพัฒนาอย่าหยุด แต่ถ้าพลาดมันก็จะเละไม่เป็นท่า และจะเป็นเรื่องคุยกันระยะยาวไม่หยุดหรือจะเรียกตราบาปก็ไม่เกินไป ดีก็ยกย่อง ไม่ดีก็บอกกันนะจ๊ะ  

 

            

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2