• 29 มิถุนายน 2018 at 12:20

นิโคล รอสเบิร์ก ขึ้นโพเดี้ยม เซบาสเตียน เวสเทล รั้งอันดับสอง

หลังสแปนิชกรังด์ปรีซ์จบลง ม้าลำพองสมใจ เฟอร์นานโด อลอนโซ่ นำทีมคว้าอันดับหนึ่งเป็นของขวัญให้แฟนๆ นับเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีเพราะหายไปนานกับแชมป์สนาม ถึงอย่างไรคงไม่สำคัญเพราะความสุขที่ผ่านไปมันก็คงกลายเป็นอดีต สนามข้างหน้าในวันนี้สิมันคือสิ่งท้าทายที่คุณจะรักษาแชมป์เอาไว้ได้หรือเปล่า

โมนาโคลกรังด์ปรีซ์ วันนี้มันคร่าคร่ำไปด้วยผู้คนหลากหลาย หลงใหลในกลิ่นยางและเสียงเครื่องยนต์ที่แผดเข้าไปถึงแก้วหู ถึงกระนั้นมันอาจไม่สำคัญเท่ากับได้ร่วมเชียร์ทีมโปรดของตัวเองให้ผ่านธงตราหมากรุกได้สำเร็จ!!! แล้วใครละจะสมหวัง?

สนามนี้ถือเป็นสนามอาถรรพ์ก็ว่าได้ทุกครั้งที่มีการแข่งขันมักจะได้เห็นเซฟตี้คาร์ออกมาวิ่งประจำ เซบาสเตียน เวสเทล อกหักจากสนามที่แล้วมีแต้มแต่ไม่ได้สัมผัสโพเดี้ยม มาสนามนี้ยังคงต้องตามดูกันต่อไปว่ามันจะเป็นเช่นไร ในเมื่อตำแหน่งโพล ตกเป็นของ นิโคล รอสเบิร์กจากทีม เมอร์เซเดสเบนซ์ ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดสิ่งที่ฝันของเขาเป็นจริงแน่นอน เพียงเริ่มต้นการแข่งขัน ทุกคันช่วงชิงขึ้นเป็นจ่าฝูง หรือก็หวังเพียงให้เกาะกลุ่มผู้นำให้ได้ เมื่อทั้งหมดเริ่มตั้งตัวได้ ทุกอย่างมันต้องขับเคี้ยวกันจนสุดฝีมือ

ผู้นำเริ่มยืดเวลาออกได้สักระยะ แต่ไม่นานปรากฏว่าเกิดไฟไหม้ที่รถของแคเทอร์แฮม ปากทางเข้าพิทพอดีทำให้เกิดปัญหาตามมา แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ เมื่อรถทุกคันเริ่มเข้าพิท นิโคล รอสเบิร์ก ยังคงเป็นผู้นำ เพียงไม่นานหลังเริ่มแข่งขันในที่สุดเมื่อรถเซฟตี้คาร์ออกมาวิ่งซึ่งไม่สามารถลบอาถรรพ์นี้ได้ ความวุ่นวายเริ่มเกิดขึ้นและจากการที่เซฟตี้คาร์ออกมานี่เองทำให้อันดับของ แฮลมินตัน จากเมอร์เซเดสเบนซ์ อันดับหล่นมาถึงสองตำแหน่ง เสียอันดับสอง สาม ให้กับเซบาสเตียน เวสเทล และมาร์คเวบเบอร์ ที่เข้าพิทไปก่อนหน้านั้นหนึ่งครั้ง นับเป็นการวางแผนผิดพลาดของทีม

จากเซฟตี้คาร์แรกมาไม่เท่าไหร่ คราวนี้ต้องถึงขั้นธงแดงในรอบที่ 44 หลังจากแม็กซ์ ชิลตัน พยายามแซงพาสเตอร์ มัลโดนาโด แต่ไม่พ้น เขาไปสะกิดรถวิลเลียมส์จนปีกหน้าของรถมัลโดนาโดหลุดเข้าไปใต้ท้องรถ ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนกำแพงเทคโปรบริเวณโค้งทาบาคอย่างรุนแรง โชคดีที่นักขับเวเนซูเอล่าไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ส่วนชิลตันยังแข่งต่อได้หลังเข้าพิตไปซ่อมแซมรถพร้อมรับโทษไดรฟ์ทรูโทษฐานที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ

รถทุกคันเข้าพิทเพื่อรอเวลาเคลียร์สนามให้จบ นับว่าเป็นโชคดีของรถทุกคันที่มีโอกาสได้เปลี่ยนยาง เมื่อเวลามาถึงรอบสองนี้เหมือนการเริ่มสตาร์ทใหม่อีกครั้ง รถทุกคันพร้อมจะไล่ล่าหาชัยชนะให้จงได้ จนกระทั่งโรแมง โกรส์ฌอง ออกมาจากอุโมงค์แล้วเสียหลักพุ่งชนท้ายรถของแดเนียล ริกเคียร์โด้ เศษซากรถกระจายเต็มแทร็ค เซฟตี้คาร์จึงต้องออกมาอีกครั้ง โกรส์ฌองเข้าพิตไปเปลี่ยนจมูกรถแต่กลับออกมาได้ไม่นาน โลตัสก็ตัดสินใจเรียกเก็บรถในที่สุด นับว่าสนามนี้เซฟตี้คาร์ได้ทำงานมากกว่าเพื่อนเพราะได้ออกมาถึงสามรอบ

เริ่มแข่งต่ออีกครั้งได้เวลานี้หัวแถวยังคงเป็นคนเดิมที่รักษาความแรงเอาไว้ได้คงที่ ค่อนข้างชัดเจนในอันดับหนึ่ง ส่วนทางเรดบูลเองทำได้ดีแค่ประคองให้จบทั้งอันดับสองและสาม เห็นได้ชัดว่าสนามนี้รถช้าลงไป ทำให้หลายครั้งแฮลมินตันไล่ขึ้นมาจนติด แต่ไม่สามารถขึ้นแซงได้ จบการแข่งขันอันดับไม่ได้เปลี่ยนแปลง ไปตามที่ออกจากพิท

นิโคล รอสเบิร์ก คว้าอันดับหนึ่งไปครองได้สำเร็จ เซบาสเตียน เวสเทล ทำสำเร็จบนโพเดี้ยมรวมถึง มาร์ค เวบเบอร์ ส่วนทางคิมี่ไรโคเน่น เค้นฟอร์เก่งไม่สำเร็จจบอันดับสิบเท่านั้น แชมป์สนามที่แล้ว เฟอร์นานโด อลอนโซ่ อยู่อันดับเจ็ด

ผลการแข่งขันรายการโมนาโก กรังด์ปรีซ์

1. Nico Rosberg (Mercedes) 2h17m 52.056s

2. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) + 3.888s

3. Mark Webber (Red Bull-Renault) + 6.314s

4. Lewis Hamilton (Mercedes) + 13.894s

5. Adrian Sutil (Force India-Mercedes) + 21.477s   

เรื่อง : กองบรรณาธิการ / ภาพ :www.F1-Fansite.com

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2